ตัดตกสำหรับงานพิมพ์คืออะไร

ตัดตก หรือ ระยะตัดตก (Bleed) คือ การตั้งระยะเผื่อพื้นที่ของงานพิมพ์ให้มีขนาดกว้างกว่าขอบงานจริงที่ต้องไดคัทหรือทำการตัดขอบออกไป เนื่องจากการไดคัทหรือตัดขอบด้วยอุปกรณ์นั้นไม่สามารถทำให้แม่นยำได้ 100% ในทุกๆชิ้น ในแต่ละชิ้นอาจมีการตัดคลาดเคลื่อน เยื้องซ้าย ขวา บน หรือล่างได้ ทำให้การเตรียมไฟล์อาร์ตเวิร์คให้มีระยะตัดตกนั้นสำคัญมากๆ

นอกจากระยะตัดตกแล้ว ยังมีระยะปลอดภัย (Margin) ที่ควรให้ความสำคัญมากๆเช่นกัน การเตรียมอาร์ตเวิร์คในส่วนของข้อมูลหรือเนื้อหาส่วนที่ต้องการอยู่ใกล้ชิดกับระยะที่จะทำการตัดขอบเกินไปนั้น อาจทำให้เนื้อหาส่วนที่ต้องการถูกตัดออกไปจากการคลาดเคลื่อนของการไดคัทหรือตัดขอบได้

ตัวอย่าง ลักษณะการไดคัท/ตัดขอบสำหรับอาร์ตเวิร์คที่ทำตัดตกมา

ควรทำระยะตัดตก และระยะปลอดภัยเท่าไหร่

เฉพาะงานที่ทาง FundayPrint รับผลิตอยู่นั้น แนะนำให้ทำระยะตัดตกอย่างน้อยฝั่งละ 1-2 มม. สำหรับงานสติ๊กเกอร์ไดคัท งานฉลากสินค้า และ ฝั่งละ 5 มม. สำหรับงานงานใบปลิว นามบัตร และ การ์ดต่างๆ

ส่วนระยะปลอดภัย ควรเว้นจากขอบอย่างน้อยประมาณ 3-5 มม. สำหรับงานสติ๊กเกอร์ไดคัท งานฉลากสินค้า และ 5-10 มม. สำหรับงานใบปลิว นามบัตร และ การ์ดต่างๆ

ตัวอย่าง การทำอาร์ตเวิร์คโดยมีระยะปลอดภัยและตัดตก

ถ้าไม่ทำตัดตกจะเป็นอย่างไร

ขอกล่าวบนวัสดุพื้นขาว

1. กรณีงานพิมพ์ที่มีพื้นหลังเป็นสีขาว หรืองานที่ต้องการไดคัทหรือตัดให้มีขอบเป็นสีขาว เว้นจากอาร์ตเวิร์คที่ทำไว้ อาจไม่จำเป็นต้องทำระยะตัดตกเผื่อมาด้วย

ตัวอย่าง การไดคัท/ตัดขอบ งานพิมพ์ที่ทำอาร์ตเวิร์คแบบมีขอบขาว

2. กรณีงานพิมพ์ที่มีสีพื้นหลัง พื้นหลังเป็นลวดลายหรือเป็นรูปภาพ จากข้อมูลข้างต้นที่ได้ทราบแล้วว่าการไดคัทหรือตัดขอบไม่ได้แม่นยำ 100% อาจจะทำให้งานชิ้นนั้นๆ ถูกตัดเคลื่อนออกไปจนเห็นขอบสีขาวของวัสดุในส่วนที่ไม่ถูกพิมพ์ได้

ตัวอย่าง การไดคัท/ตัดขอบ งานที่ไม่ได้เผื่อตัดตกมา และมีการไดคัทเคลื่อนไปทางขวาล่าง

สรุป

การทำระยะตัดตก โดยเฉพาะงานพิมพ์ที่ออกแบบมาให้มีพื้นหลังเป็นสี เป็นลวดลาย เป็นรูปต่างๆ นั้นมีความสำคัญมาก ซึ่งช่วยให้งานที่ผ่านการไดคัทหรือตัดขอบออกมาสวยงามตามขนาดที่ต้องการ เสริมด้วยการทำระยะปลอดภัยที่ช่วยให้ชิ้นงานมีส่วนที่ต้องการถูกต้องครบถ้วน ไม่ถูกตัดขาดออกไป